วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผลบอลเมื่อคืนวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ศึกเรดไฟท์




ผลบอลเมื่อคืน วันที่ 11 กุมภาพันธ์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดทำศึกใหญ่กับลิเวอร์พูล โดยมีเรื่องหลักที่นอกเหนือไปจากแต้มซึ่งทั้งสองทีมอยาก ก็เป็นเรื่องระหว่างเอฟร่าและซัวเรซ

ซึ่งเป็นข่าวขึ้นมาจนได้ ในตอนที่ทั้งสองทีมเดินสัมผัสมือกัน แต่กลายเป็นซัวเรซที่ไม่ยอมสัมผัสมือกับเอฟร่า จนทำให้แบ็คเลือดเฟร้นช์ถึงกับโกรธมากผลักมือของหัวหอกอุรุกวัยที่พยายามจะจับ มือกับเด เกอาขวับ ต้องดูกันว่าจะไปเดือดในเกมหรือไม่เหตุด้วยคู่นี้

เกมนี้แมนฯยูไนเต็ดวางรูนี่ย์เป็นตัวเป้าคู่กับเวลเบ็คในด้านหน้า โดยมีกิ๊กส์และวาเลนเซียคอยปั้นเกมด้านข้าง

ลิเวอร์พูลเองจัดเต็มไม่ต่างกัน เมื่อให้ซัวเรซคอยแปรผันเกมของแมนฯยูไนเต็ดในแดนหน้า มีเจอร์ราร์ดคอยส่งบอลให้ตรงกลางและเค้าท์กงอหน้าไตรกีฬาที่เป็นคนเหนี่ยวไกปลิด ชีพ "ปีศาจแดง" ในเกมเอฟเอ คัพที่ทั้งคู่พบกันล่าสุด

ครึ่งแรก


เริ่มเกมมาได้แค่ 6 นาทีก็ลุ้นจะเอาจุดลูกโทษกันแต่หัววันเลยสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวาเลนเซียแตะหนีเอ็นริเก้โอบรอบไปได้ กำลังจะขี่เข้าระยะ 22 หลา แต่โดนแบ็คเลือดกระทิงดึงเอาไว้จนล้มลง เจ้าถิ่นเลยโวยจะเอาจุดโทษ แต่ผู้ตัดสินให้เพียงแค่เตะจุดโทษเพราะทำฟาวล์นอกกรอบจุดโทษเท่านั้น


ช่วงต้นๆเกมนี้ดูเหมือนว่าเวลเบ็คจะฮึกเฮิมเป็นเด่น เพราะทำเกมกับรูนี่ย์ได้น่าดูชมในด้านหน้าทำได้ดี โดยเฉพาะจังหวะแตะ 1-2 กัน ส่วนทางลิเวอร์พูลขึ้นเกมไปแต่ละครั้งใช่ย่อยซะที่ไหน ได้เปิดเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า บวกกับทางเลือกยิงของจอห์นสันที่ได้เอาใจช่วยอยู่คนเดียว แต่ยังไม่ตรงเผงพอ


นาทีที่ 18 เพิ่มเติมขึ้นไปได้สนับสนุนมากเลยสำหรับราฟาเอล ที่วิ่งตัดขึ้นไปรับบอลก่อนที่จะแตะเข้ากลางในในระยะเขตโทษ เห็นหนเลยลุ้นยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งตรงสัน เวลเบ็คพยายามจะสะกิดเปลี่ยนทาง แต่ไม่โดน เรน่าเลยเซฟเอาไว้ได้


วันนี้อย่างที่รู้กันว่าแฟนบอลเจ้าถิ่นจะรับรองซัวเรซยังไง แค่ตัวเป้าอุรุกวัยยืนใกล้ลูกบอลก็มีเสียงโห่ตามกันมาสนั่นแล้ว โดยเฉพาะขณะที่ที่เจ้าตัวไปเลี้ยงจนออกเส้นหลัง ที่เสียงเฮดังมากันใหญ่


หลังจากตอนแรกที่หงส์แดงถ่ายเกมขึ้นบุกได้ดี ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะตันไปพอสมควร กลายเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่จับจังหวะได้มากขึ้น พาบอลไปกดดันในแดนของทีมเยือนได้อย่างต่อเนื่อง


นาทีที่ 30 เฮเสียเวลาเปล่ากันไปเลยทีเดียวสำหรับแฟนบอลแมนฯยูไนเต็ด ในจังหวะที่ผีแดงเล่นกันจังหวะเดียวได้สวย สโคลส์โยกออกไปให้กิ๊กส์ทางซ้ายที่วางบอลกลับมากลางได้สวยสุดๆ สโคลส์เสือกเข้าไปยืนโหม่งได้โล่งๆจ่อๆหน้าประตูคนเดียว แต่ตรงตัวของเรน่าที่ผวาปัดเอาไว้ได้


นาทีที่ 37 เวลเบ็ควันนี้เล่นได้สะอาดตากว่าเพื่อนเลย เมื่อเขาลงไปล้วงถามบอลต่ำอยู่หลายช่อง ก่อนทืี่จะพาบอลเลี้ยงดุ่มๆผ่านกองหลังของลิเวอร์พูลเข้าไปในในระยะเขตโทษได้ แต่จังหวะสุดท้ายโดนเสียบเอาไว้นิดนึงก่อน ทำให้เขายิงแป๊กออกหลังไป


นาทีที่ 40 ไปเล่นยืนยันจนเกือบเสียแล้วสำหรับเฟอร์ดินานด์ที่ตัวเองวิ่งตัดหน้าเค้าท์ไปดัก ลูกจ่ายของซัวเรซเอาไว้ได้แล้ว แต่กลับไม่ยอมเคลียร์จะปล่อยให้ออกหลัง บอลชะงักขาตัวเอง จนโดนเค้าท์จิ้มคืนให้ซัวเรซได้ ยังดีบิดกลับไปแก้ตัวแยกเอาไว้ได้ทันเหตุการณ์


อีก 3 นาทีต่อมา กำลังจะรูปหล่ออยู่แล้วสำหรับเวลเบ็คที่ใช้ความขยันไปฉกชิงเอาบอลมาจากเฮนเดอร์สัน ที่หน้าประตูของหงส์แดงได้ แต่จังหวะที่จะพลิกหนีดันไปสับขาหลอกตัวเองจนหวดบอลแป้กหลุดออกข้าง อายไปเลยไหมนั่น

นาทีสุดท้าย ซัวเรซเกือบจะได้ลุ้นเลย สำหรับจังหวะสวนกลับที่เขาแตะบอลหนีเอฟร่าที่เป็นตัวสุดท้ายไปได้แล้ว แต่เฟอร์ดินานด์พุ่งเข้าไปแหย่ขวางเชิงจากด้านหลัง แต่บอลโดนบอลก่อนแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะถ้าผิดพลาดไปนิดเดียว ลูกนี้อาจถึงแดง

จบ 45 นาทีด้วยความวุ่นวาย เนื่องจากซัวเรซไประเบิดอารมณ์ซัดบอลอัดข้างสนามในแฟนบอลของเจ้าบ้าน ทำให้นักเตะผีแดงกรูกันเข้าไปบีบรัดให้ผู้วินิจฉัย

ครึ่งหลัง


เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 2 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็มาได้ประตูขึ้นนำแบบเฮกันสนามแทบแตก เมื่อได้เตะมุมโยนเข้าไปเสาแรก ผู้เล่นลิเวอร์พูลพยายามจะโหม่งขัดขวาง แต่บอลเอียงไปเข้าทางของรูนี่ย์ที่เอี้ยวตัววอลเล่ย์จากเวลาแค่ไม่กี่หลาทะลุ ผ่านเรน่าเข้าไปตุงตาข่าย "ปีศาจแดง" ได้ประตูขึ้นนำแบบทีมเยือนไม่ทันตั้งตัว 1-0


นาทีที่ 50 ทีมเยือนช็อกตาค้างตาตั้งไปเลย เมื่อสเปียริ่งไปพลาดแทงบอลติดวาเลนเซีย ก่อนที่ปีกรถด่วนจะแตะจี้เข้าไปจ่ายทะลุช่องให้กับรูนี่ย์แปด้วยอีซ้ายลอด ดากเรน่าส่งบอลเข้าไปนอนหลับปุ๋ยก้นตาข่าย ปีศาจแดงทิ้ง 2-0 เร่งด่วนไปไหน


นาทีที่ 59 กองเชียร์ปวดกระบาลกันเลยสำหรับรูนี่ย์ ในจังหวะที่วาเลนเซียแตะตัดเข้ากลางได้สวยเหลือเกิน จ่ายต่อให้สโคลส์ที่โดดข้ามบอลหลอกต่อไปให้กับรูนี่ย์ ก่ะให้เพื่อนยิงงามๆ แต่เจ้าหมูดันจับลูกบอลแรกไม่ดี พอจะพยายามจิ้มเลยได้แต่จิ้มบอลหลุดออกหลังไปหน้าตาเฉย อดลุ้นแฮทริกไป

อีก 2 นาทีต่อมา หงส์แดงต้องปรับเกมด้วยการส่งเบลลามี่และแคร์โรลล์ลงไปสำแดงแทนสเปียริ่ง ที่ทำเสียลูกที่สองและดาวนิ่งที่วันนี้นิ่งสมชื่อ แทบไม่มีบทบาทอะไรให้ได้เห็นเลย

ดูดุจดังว่าลิเวอร์พูลจะช็อกกับการโดนนำห่าง 2-0 ในเวลาไม่กี่นาทีไม่หาย เพราะเวลาที่พวกเขาพยายามทำเกมขึ้นหน้าก็ดูจะไหลบอล พลาดกันไปเองทั้งหมด คงต้องปรับสติกันให้ดีๆแล้วหากหวังแพลงสภาวะที่เป็นอยู่ในตอนนี้


เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ตอนนี้ผีแดงเล่นกันแบบใจเย็นค่อยๆใช้เกมบุกในจังหวะที่มีโอกาสและ เน้นเกมที่ติดขัดเอาไว้ก่อนในยามที่ลิเวอร์พูล พยายามเซ็ตเกมบุกขึ้นไป ทำให้ทางทีมเยือนยังไม่มีโชคได้ตีไข่แตกแบบจังๆสักที

จริงๆน่าจะส่งลงมาก่อนหน้านี้อีกสำหรับอดัมที่ถูกเปลี่ยนคนลงไปเล่นแทน เค้าท์ซึ่งเล่นไม่ออกเลย เพราะว่าอดีตมิดฟิลด์แบ็คพูลถือว่าเป็นตัวไหลบอลชั้นวิเศษอีกคน ต้องดูว่ากับเวลาที่เหลือแค่ 15 นาที จะทำอะไรได้มากแค่ไหน

นาทีที่ 80 แอบเฮงอยู่สักหน่อยสำหรับthe kop เมื่อกองหลังของผีแดงระงับลูกฟรีคิกไม่ได้ ไปโดนหน้าขาของเฟอร์ดินานด์ตั้งให้ซํวเรซได้จิ้มบอลจ่อๆไม่มีเหลือ ลิเวอร์พูลตามมาเป็น 2-1 เหลืออีก 10 นาที มันส์กันล่ะครับทีนี้

เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย นั่งเกร็งกันไปไม่ว่าจะทางฝั่งแมนยูฯหรือเดอค๊อป เพราะเกมมีโอกาสจะออกมาเป็นข้อยุติได้อย่างทันทีถ้าหากมีการทำประตูลูกต่อไป เกิดขึ้นมา

ช่วงทดเวลานาทีแรก เกือบไปแล้วเมื่อลิเวอร์พูลได้ลูกโทษ ก่อนที่บอลจะโดนห้ามออกมาแถวสอง จอห์นสันเก็บตกได้ ก่อนที่จะแกว่งยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งเหมือนจะมุดคานแล้ว แต่เป็นเด เกอาที่ดีดตัวลูกปัดทิ้งข้ามคานออกไปได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น