วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วิเคราะห์บอลก่อนแช่งในเกมที่"เรือใบสีฟ้า"แมนซตี้ฯ พบกับ ปอร์โต้


งาน 5 เกมหลังในรายการนี้

Manchester City
17/02/12 ชนะ ปอร์โต้ 2-1 เยือน
18/03/11 ชนะ ดินาโม เคียฟ 1-0 เหย้า
11/03/11 แพ้ ดินาโม เคียฟ 0-2 เยือน
25/02/11 ชนะ อาริส  3-0 เหย้า
16/02/11 เสมอ อาริส  0-0 เยือน

ปอร์โต้
17/02/12 แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-2 เหย้า
19/05/11 ชนะ บราก้า 1-0 กลาง
06/05/11 แพ้ บียาร์เรอัล 2-3 เยือน
29/04/11 ชนะ บียาร์เรอัล 5-1 เหย้า
15/04/11 ชนะ สปาร์ตัก มอสโก 5-2 เยือน



ภาวะก่อนเตะ

     วิเคราะห์บอล โรแบร์โต้ มันชินี่ โค้ช "เรือใบสีฟ้า" กุมความได้โอกาสเยอะทีเดียว ภายหลังที่เคลื่อนกองทัพไปปราบ 2-1 ได้ทั้งอเวย์โกล์ และความมีชัยกลับมา ส่งผลให้เกมนี้แค่เสมอหรือแพ้ด้วยสกอร์ 0-1 ก็จะลอยลำสู่รอบต่อไปทันที นอกจากนี้สภาพทีมถือว่าเติบโตสุดๆ เมื่อไม่มีผู้เล่นหลักเจ็บและติดโทษแบนแม้แต่คนเดียว

     ถึงอย่างไรเดาสุ่มว่ามันโช่คงมีการปรับทัพนิดหน่อย โดย เซร์คิโอ อเกวโร่ ศูนย์หน้าอาร์เจนไตน์ที่ลงมาเป็นซูเปอร์ซับยิงประตูชัยให้ทีมในนัดแรก น่าจะได้โอกาสลงตั้งแต่เริ่มเกม ส่วนแกนหลักรายอื่นๆ จากนัดแรก ไม่ว่าจะเป็นโจ ฮาร์ท, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, แกเร็ธ แบร์รี่, ซามีร์ นาสรี่, ยาย่า ตูเร่ และ ดาบิด ซิลบา ต่างฟิตพร้อมช่วยทีมทั้งหมด เพราะไม่มีแม็ตช์เมื่อสุดสัปดาห์ สภาพร่างกายน่าจะฟิตพร้อม



     วิตอร์ เปเรยร่า กุนซือเอฟซี ปอร์โต้ ทางเลือกมีไม่มากนัก นอกจากต้องทะลวงชนะสถานเดียว แถมต้องยิงให้มากกว่าหนึ่งประตูอีกด้วย ทั้งนี้ทีมจากโปรตุเกส เรียกความมั่นใจคืนมาด้วยการโจมตีไปถล่มวิตอเรีย เซตูบัล 3-1 ในเกมลีกแมตช์ล่าสุด ทว่า เปเรยร่า เจอปัญหาการจัดทัพเยอะเลย เนื่องจากผู้เล่นแกนหลักพากันเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นแบ็กซ้าย อัลวาโร่ เปไรร่า ซึ่งสะสมใบเหลืองครบกำหนด จะติดโทษแบนตามระเบียบ

      ยิ่งไปกว่านั้น ดานิโล่ อีกหนึ่งฟูลแบ็ก ที่เข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าต้องพักอย่างน้อย 6 อาทิตย์ หลังขัดแย้งกับยาย่า ตูเร่ ในนัดแรก ขณะที่ มาร์ ยานโก กงอหน้าตัวใหม่ ไม่ได้ลงทะเบียนเล่นรายการนี้ ส่วนข่าวดียังมีซึมซาบเข้ามาบ้าง ในราย นิโกลัส โอตาเมนดี้ เซนเตอร์ฮาล์ฟพ้นโทษแบนพร้อมดูแลแนวรับ ทั้งนี้แกนหลักอื่นๆ ฟิตเต็มถังแนวรุกนำโดย ลูโช่ กอนซาเลซ, เจา มูตินโญ่ และ ฮัล์ค




ทะเบียน 11 นักฟุตบอลตามคาด

     แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : โจ ฮาร์ท ; ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, กาแอล กลิชี่ ; แกเร็ธ แบร์รี่, ไนเจล เดอ ยองก์ - ซามีร์ นาสรี่, ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา ; เซร์คิโอ อเกวโร่

     เอฟซี ปอร์โต้ (4-1-2-3) : เอลตัน ; เอเลียแก็ง ม็องกาล่า, โรลันโด, ไมคอน, คริสเตียน ซาปูนารู ; แฟร์นานโด ; ลูโช่ กอนซาเลซ, เจา มูตินโญ่ ; ซิลเวสเตร วาเรล่า, ฮัลค์, เจมส์ โรดริเกซ
     


 วิเคราะห์บอลก่อนเกม

        สถานการณ์ เรือใบ เหนือกว่าบานตะโก้ เพราะมีหลายทางเลือกให้เล่น ผิดกับ ปอร์โต้ ซึ่งต้องชนะสถานเดียว แถมต้องยิงให้มากกว่าหนึ่งลูกอีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะนี่คือบ้านของ "เรือใบสีฟ้า" สนามซึ่งไม่ค่อยจะพลาดท่าให้ใครง่ายๆ อีกทั้งเจ้าถิ่นได้พักมาอย่างเต็มที่ เพราะปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีแม็ตช์แข่ง คิดว่าคงลงสนามด้วยความคึกคัก สวนทางกับทีมเยือน นอกจากภาพรวมจะเป็นรองแล้ว ตัวเจ็บกับแบนยังเต็มไปหมด โดยเฉพาะแนวรับ

        ดังนั้นปอร์โต้ ที่ไม่มีอะไรจะเสียคงต้องบุกเข้าใส่ แต่ด้วยสภาพทีมซึ่งไม่สมบูรณ์ คงทำอะไรทีมอันดับ1พรีเมียร์ลีก ไม่ได้มากเท่าที่ควร นอกจากนั้นเจ้าบ้านมีการเข้าทำค่อนข้างเฉียบขาด เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความไม่พร้อมหลายๆด้านของแชมป์เก่า บวกกับเงื่อนไขการเข้ารอบค่อนข้างยาก จึงไม่น่าต้าน ซิตี้ ที่เล่นได้ตามเกมของตัวเอง แถมอยู่ต่อหน้าแฟนบอล คงใช้ความสดบี้แขกบ้านแขกเมืองจนท้อไปเอง ก่อนจะเบียดชนะไปได้อีกครั้ง แบบไม่ยากเย็นเท่าไร หลังปอร์โต้เจ็บเยอะ ต้านกองหน้าขั้นเทพไม่อยู่หรอก วิเคราะห์บอล

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

มาดูผลบอลเมื่อคืนในศึก ucl คู่ละหว่าง เลเวอร์คูเซ่น พบกับ บาเซโลน่า



ผลบอลเมื่อคืน

สนาม : ไบอารีน่า
ผู้ตัดสิน : เคร็ก ธ็อมสัน (สก็อตแลนด์)
ถ่ายทอดสด : ช่อง 7
เวลา : 02:45 น.

ผู้ทำประตู : [0:1]อเล็กซิส ซานเชซ น.41,[1:1]มิชาล คัดเล็ช น.52, [1:2]อเล็กซิส ซานเชซ น.55,[1:3]ลิโอเนล เมสซี่ น.88

      ครึ่งแรก
     "เจ้าบุญทุ่ม"บาร์เซโลน่า ทีมเยือนเป็นฝ่ายเขี่ยบอลเริ่มเกมก่อน โดยจะทะลวงจากขวาไปด้านซ้าย

     นาทีที่ 11 บาซ่า ได้ทางช่วยทำประตูก่อนจากลูกยิงลูกกินเปล่าห้วงไกลของดาเนียล อัลเวส เเต่บอลบินข้ามคานออกไป

     นาทีที่ 24 อาเดรียโน่กระชากบอลหลบกองหลังไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นด้านฝั่งด้านซ้ายตัดเข้ากลาง ก่อนจะยิงไกลจากเเถวสอง เเต่บอลก็ยังบินข้ามคานออกไป

     นาทีที่ 39 ลิโอเนล เมสซี่มีโอกาสหลุดขึ้นไปยิงด้านฝั่งซ้าย เเต่ เหนี่ยวไก เบาเกินไปทำให้แบร์นด์ เลโน่GKไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นรับเอาไว้ได้

     นาทีที่ 41 ลิโอเนล เมสซี่กระเดิดข้ามกำแพงหลังไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ให้อเล็กซิส ซานเชซหลุดเดี่ยวไปลั่นไกลอดดากแบร์นด์ เลโน่เข้าไปเเละเป็นประตูให้ บาร์เซโลน่า โจมตีมาทำประตูขึ้นนำ 1:0

      พักครึ่งเวลาเเรก

     "ห้างขายยา"ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เจ้าบ้านเป็นฝ่ายเขี่ยบอลเริ่มเกมครึ่งหลัง โดยจะบุกจากขวาไปซ้าย

     นาทีที่ 47 กอนซาโล่ กาสโตรเปิดลูกลูกเซตพีซจากด้านฝั่งขวาไปที่เสาสอง ให้สเตฟาน ไรนาร์ทซ์ได้ถลาโหม่ง เเต่บอลหลุดออกนอกกรอบไป

     นาทีที่ 52 ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ได้ประตูตีเสมอ Barca 1:1 จากช่องที่ เวดราน ชอร์ลูก้าโยนกบอลจากด้านริมเส้นฝั่งขวา ไปที่เสาสองให้มิชาล คัดเล็ชวิ่งเติมเกมรุกขึ้นมาโหม่งบอลผ่านบิคตอร์ บัลเดสเข้าไป

     ถัดจากนั้นมา 3 นาที บาซ่า ทำประตูขึ้นนำ เลเวอร์คูเซ่น 2:1 จากจังหวะที่ เชส ฟาเบรกาส จ่ายบอลทะลุช่อง ให้อเล็กซิส ซานเชซใช้ความเร็วหลุดเดี่ยวเข้าไปเเตะบอลหลบแบร์นด์ เลโน่ ก่อนจะยิงเข้าไปอย่างเหนือชั้น

     นาทีที่ 63 เลเวอร์คูเซ่น ปิ๋วกาลทำประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย จากสัมผัสหลุดขึ้นมายิงด้านฝั่งซ้ายของกอนซาโล่ กาสโตร เเต่บอลพุ่งไปชนเสาสอง

     นาทีที่ 72 ลิโอเนล เมสซี่ใช้ความเป็นได้เฉพาะตัวพาบอลหลบข้างหลังเลเวอร์คูเซ่นด้านด้านขวาถึง 2 คน ก่อนจะเผยอบอลข้ามแบร์นด์ เลโน่ เเต่จังหวะสุดท้ายบอลไปชนเสา

     นาทีที่ 88 Barcelona บุกมานำ เลเวอร์คูเซ่น ห่าง 3:1 จากดาเนียล อัลเวสหลุดขึ้นมาด้านฝั่งขวา ก่อนจะโยนเข้าไปให้กับลิโอเนล เมสซี่กระโดดซัดเข้าไป


วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผลบอลเมื่อคืนวันเสาร์ ล้างตาสำเร็จ!!สำหรับผีแดง



ผลบอลเมื่อคืน เกมแดงเดือด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดทำศึกศักศรีดิ์กับลิเวอร์พูล โดยมีหัวข้อหลักที่นอกเหนือไปจากแต้มซึ่งทั้งสองทีมมุ่งหวัง ก็เป็นเรื่องระหว่างเอฟร่าและซัวเรซ

ซึ่งเป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ ในตอนที่ทั้งสองทีมเดินจับมือกัน แต่กลายเป็นซัวเรซที่ไม่ยอมสัมผัสมือกับเอฟร่า จนทำให้แบ็คเลือดเฟร้นช์ถึงกับเกรี้ยวกราดผลักมือของหัวหอกอุรุกวัยที่พยายามจะจับ มือกับเด เกอาช่วงนี้ ต้องดูกันว่าจะไปเดือดในเกมหรือไม่เพราะคู่นี้

เกมนี้แมนฯยูไนเต็ดวางรูนี่ย์เป็นตัวเป้าคู่กับเวลเบ็คในด้านหน้า โดยมีกิ๊กส์และวาเลนเซียคอยสร้างเกมด้านข้าง

ลิเวอร์พูลเองจัดเต็มไม่ต่างกัน เมื่อให้ซัวเรซคอยวุ่นวายเกมของแมนฯยูไนเต็ดในแดนหน้า มีเจอร์ราร์ดคอยป้อนบอลให้ตรงกลางและเค้าท์ศูนย์หน้าไตรกีฬาที่เป็นคนรัวกระสุนปลิด ชีพ "ปีศาจแดง" ในเกมเอฟเอ คัพที่ทั้งคู่พบกันล่าสุด

ครึ่งแรก


เริ่มเกมมาได้แค่ 6 นาทีก็ลุ้นจะเอาเขตโทษกันแต่หัววันเลยสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวาเลนเซียแตะหนีเอ็นริเก้ปริยายไปได้ กำลังจะควบเข้าระยะ 22 หลา แต่โดนแบ็คเลือดกระทิงลากจูงเอาไว้จนล้มลง ทีมเหย้าเลยโวยจะเอาจุดโทษ แต่ผู้วินิจฉัยให้เพียงแค่ฟรีคิกเพราะทำฟาวล์นอกกรอบจุดโทษเท่านั้น


ช่วงต้นๆเกมนี้ดูเหมือนว่าเวลเบ็คจะลำพองเป็นวิเศษ เพราะรับส่งกับรูนี่ย์ได้น่าดูชมในด้านหน้าทำได้ดี โดยเฉพาะจังหวะแตะ 1-2 กัน ส่วนทางลิเวอร์พูลขึ้นเกมไปแต่ละครั้งใช่ย่อยซะที่ไหน ได้เปิดเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษอยู่จำเจ บวกกับโชคยิงของจอห์นสันที่ได้เสียวอยู่คนเดียว แต่ยังไม่ชำนาญพอ


นาทีที่ 18 เติมขึ้นไปได้สนับสนุนมากเลยสำหรับราฟาเอล ที่วิ่งตัดขึ้นไปรับบอลก่อนที่จะแตะเข้ากลางในระยะ 22 หลา เห็นลู่ทางเลยลุ้นยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งตรงสัน เวลเบ็คพยายามจะสะกิดเปลี่ยนทาง แต่ไม่โดน เรน่าเลยเซฟเอาไว้ได้


วันนี้อย่างที่รู้กันว่าแฟนบอลทีมเหย้าจะต้อนรับขับสู้ซัวเรซยังไง แค่กองหน้าอุรุกวัยยืนใกล้ลูกฟุตบอลก็มีเสียงโห่ตามกันมาสนั่นแล้ว โดยเฉพาะขณะที่ที่เจ้าตัวไปเลี้ยงจนออกเส้นหลัง ที่เสียงเฮดังมากันใหญ่


หลังจากตอนแรกที่เดอค๊อปขึ้นเกมขึ้นบุกได้ดี ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะตันไปพอสมควร กลายเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่จับจังหวะได้มากขึ้น พาบอลไปกดดันในแดนของทีมเยือนได้อย่างต่อเนื่อง


นาทีที่ 30 เฮเจื่อนกันไปเลยทีเดียวสำหรับแฟนบอลผีแดง ในจังหวะที่แมนยูฯเล่นกันจังหวะเดียวได้สวย สโคลส์โยกออกไปให้กิ๊กส์ทางพามที่เปิดบอลกลับมากลางได้สวยสุดๆ สโคลส์ทะร่อท่อแร่เข้าไปยืนโหม่งได้โล่งๆจ่อๆหน้าประตูคนเดียว แต่ตรงตัวของเรน่าที่ผวาปัดเอาไว้ได้


นาทีที่ 37 เวลเบ็ควันนี้เล่นได้เรียบตากว่าเพื่อนเลย เมื่อเขาลงไปล้วงถามบอลต่ำอยู่หลายโอกาส ก่อนทืี่จะพาบอลเลี้ยงดุ่ยผ่านกองหลังของลิเวอร์พูลเข้าไปในแถวเขตโทษได้ แต่จังหวะสุดท้ายโดนสกัดเอาไว้นิดนึงก่อน ทำให้เขายิงเฉียดๆออกหลังไป


นาทีที่ 40 ไปเล่นยืนกรานจนเกือบทำลายแล้วสำหรับเฟอร์ดินานด์ที่ตัวเองวิ่งตัดหน้าเค้าท์ไปดัก ลูกจ่ายของซัวเรซเอาไว้ได้แล้ว แต่กลับไม่ยอมเคลียร์จะปล่อยให้ออกหลัง บอลชะงักขาตัวเอง จนโดนเค้าท์จิ้มคืนให้ซัวเรซได้ ยังดีแพลงกลับไปแก้ตัวแยกเอาไว้ได้ทันเวลา


อีก 3 นาทีต่อมา กำลังจะงามอยู่แล้วสำหรับเวลเบ็คที่ใช้ความขยันไปขโมยเอาบอลมาจากเฮนเดอร์สัน ที่หน้าประตูของเดอค๊อปได้ แต่จังหวะที่จะพลิกหนีดันไปสับขาหลอกตัวเองจนตะบันลูกบอลแป้กหลุดออกข้าง อายไปเลยไหมนั่น

นาทีสุดท้าย ซัวเรซเกือบจะได้ลุ้นเลย สำหรับจังหวะสวนกลับที่เขาแตะบอลหนีเอฟร่าที่เป็นตัวสุดท้ายไปได้แล้ว แต่เฟอร์ดินานด์พุ่งเข้าไปแหย่กลั่นจากด้านหลัง แต่บอลโดนบอลก่อนแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะถ้าผิดพลาดไปนิดเดียว ลูกนี้อาจถึงแดง

จบ 45 นาทีด้วยความวุ่นวาย เนื่องจากซัวเรซไประเบิดอารมณ์ยิงบอลอัดข้างสนามในแฟนบอลของเจ้าบ้าน ทำให้นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกรูกันเข้าไปบังคับให้ผู้วินิจฉัย

ครึ่งหลัง


เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 2 นาที ผีแดงก็มาได้ประตูขึ้นนำแบบเฮกันสนามแทบแตก เมื่อได้เตะมุมโยนเข้าไปเสาแรก ผู้เล่นลิเวอร์พูลพยายามจะโหม่งกีดขวาง แต่บอลเอียงไปเข้าทางของรูนี่ย์ที่เอี้ยวตัววอลเล่ย์จากยุคสมัยแค่ไม่กี่หลาทะลุ ผ่านเรน่าเข้าไปตุงตาข่าย "ปีศาจแดง" ได้ประตูขึ้นนำแบบทีมเยือนไม่ทันตั้งตัว 1-0


นาทีที่ 50 ทีมเยือนช็อกตาค้างตาตั้งไปเลย เมื่อสเปียริ่งไปพลาดไหลบอลติดวาเลนเซีย ก่อนที่ปีกรถด่วนจะแตะจี้เข้าไปจ่ายทะลุช่องให้กับรูนี่ย์แปด้วยอีซ้ายลอด ดากเรน่าส่งบอลเข้าไปนอนหลับปุ๋ยก้นตาข่าย ผีแดงทิ้ง 2-0 รวดเร็วไปไหน


นาทีที่ 59 กองเชียร์กุมหัวปวดขมับกันเลยสำหรับรูนี่ย์ ในจังหวะที่วาเลนเซียแตะตัดเข้ากลางได้สวยเหลือเกิน จ่ายต่อให้สโคลส์ที่โดดข้ามบอลหลอกต่อไปให้กับรูนี่ย์ ก่ะให้เพื่อนยิงงามๆ แต่เจ้าหมูดันจับลูกบอลแรกไม่ดี พอจะพยายามจิ้มเลยได้แต่จิ้มบอลหลุดออกหลังไปหน้าตาเฉย อดลุ้นแฮทริกไป

อีก 2 นาทีต่อมา เดอค๊อปต้องปรับเกมด้วยการส่งเบลลามี่และแคร์โรลล์ลงไปทำเพลงแทนสเปียริ่ง ที่ทำเสียลูกที่สองและดาวนิ่งที่วันนี้นิ่งสมชื่อ แทบไม่มีบทบาทอะไรให้ได้เห็นเลย

ดูยังกับว่าลิเวอร์พูลจะช็อกกับการโดนนำห่าง 2-0 ในเวลาไม่กี่นาทีไม่หาย เพราะเวลาที่พวกเขาพยายามทำแดนหน้าก็ดูจะแทงบอล พลาดกันไปเองทั้งหมด คงต้องปรับสติกันให้ดีๆแล้วหากหวังพลิกสภาวการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้


เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ตอนนี้แมนฯยูไนเต็ดเล่นกันแบบใจเย็นค่อยๆใช้แดนหน้าในจังหวะที่มีโอกาสและ เน้นเกมที่อัดแอเอาไว้ก่อนในยามที่หงส์แดง พยายามเซ็ตเกมบุกขึ้นไป ทำให้ทางทีมเยือนยังไม่มีทางเลือกได้ตีไข่แตกแบบจังๆสักที

จริงๆน่าจะส่งลงมาก่อนหน้านี้อีกสำหรับอดัมที่ถูกเปลี่ยนตัวลงไปเล่นแทน เค้าท์ซึ่งเล่นไม่ออกเลย เพราะว่าอดีตมิดฟิลด์แบ็คพูลถือว่าเป็นตัวแทงบอลชั้นไปหาอีกคน ต้องดูว่ากับเวลาที่เหลือแค่ 15 นาที จะทำอะไรได้มากแค่ไหน

นาทีที่ 80 แอบเฮงอยู่สักหน่อยสำหรับหงส์แดง เมื่อกองหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกีดขวางลูกฟรีคิกไม่ได้ ไปโดนหน้าขาของเฟอร์ดินานด์ตั้งให้ซํวเรซได้จิ้มบอลจ่อๆไม่มีเหลือ ลิเวอร์พูลตามมาเป็น 2-1 เหลืออีก 10 นาที มันส์กันล่ะครับทีนี้

เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย นั่งเกร็งกันหมดไม่ว่าจะทางฝั่งแมนยูฯหรือหงส์แดง เพราะเกมมีโอกาสจะออกมาเป็นผลได้อย่างทันทีถ้าหากมีการทำประตูลูกต่อไป เกิดขึ้นมา

ช่วงทดเวลานาทีแรก เกือบไปแล้วเมื่อลิเวอร์พูลได้ลูกโทษ ก่อนที่บอลจะโดนแยกออกมาแถวสอง จอห์นสันเก็บได้ ก่อนที่จะม้วนยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งเหมือนจะมุดคานแล้ว แต่เป็นเด เกอาที่ดีดตัวพุ่งทิ้งข้ามคานออกไปได้

ผลบอลเมื่อคืนวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ศึกเรดไฟท์




ผลบอลเมื่อคืน วันที่ 11 กุมภาพันธ์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดทำศึกใหญ่กับลิเวอร์พูล โดยมีเรื่องหลักที่นอกเหนือไปจากแต้มซึ่งทั้งสองทีมอยาก ก็เป็นเรื่องระหว่างเอฟร่าและซัวเรซ

ซึ่งเป็นข่าวขึ้นมาจนได้ ในตอนที่ทั้งสองทีมเดินสัมผัสมือกัน แต่กลายเป็นซัวเรซที่ไม่ยอมสัมผัสมือกับเอฟร่า จนทำให้แบ็คเลือดเฟร้นช์ถึงกับโกรธมากผลักมือของหัวหอกอุรุกวัยที่พยายามจะจับ มือกับเด เกอาขวับ ต้องดูกันว่าจะไปเดือดในเกมหรือไม่เหตุด้วยคู่นี้

เกมนี้แมนฯยูไนเต็ดวางรูนี่ย์เป็นตัวเป้าคู่กับเวลเบ็คในด้านหน้า โดยมีกิ๊กส์และวาเลนเซียคอยปั้นเกมด้านข้าง

ลิเวอร์พูลเองจัดเต็มไม่ต่างกัน เมื่อให้ซัวเรซคอยแปรผันเกมของแมนฯยูไนเต็ดในแดนหน้า มีเจอร์ราร์ดคอยส่งบอลให้ตรงกลางและเค้าท์กงอหน้าไตรกีฬาที่เป็นคนเหนี่ยวไกปลิด ชีพ "ปีศาจแดง" ในเกมเอฟเอ คัพที่ทั้งคู่พบกันล่าสุด

ครึ่งแรก


เริ่มเกมมาได้แค่ 6 นาทีก็ลุ้นจะเอาจุดลูกโทษกันแต่หัววันเลยสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวาเลนเซียแตะหนีเอ็นริเก้โอบรอบไปได้ กำลังจะขี่เข้าระยะ 22 หลา แต่โดนแบ็คเลือดกระทิงดึงเอาไว้จนล้มลง เจ้าถิ่นเลยโวยจะเอาจุดโทษ แต่ผู้ตัดสินให้เพียงแค่เตะจุดโทษเพราะทำฟาวล์นอกกรอบจุดโทษเท่านั้น


ช่วงต้นๆเกมนี้ดูเหมือนว่าเวลเบ็คจะฮึกเฮิมเป็นเด่น เพราะทำเกมกับรูนี่ย์ได้น่าดูชมในด้านหน้าทำได้ดี โดยเฉพาะจังหวะแตะ 1-2 กัน ส่วนทางลิเวอร์พูลขึ้นเกมไปแต่ละครั้งใช่ย่อยซะที่ไหน ได้เปิดเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า บวกกับทางเลือกยิงของจอห์นสันที่ได้เอาใจช่วยอยู่คนเดียว แต่ยังไม่ตรงเผงพอ


นาทีที่ 18 เพิ่มเติมขึ้นไปได้สนับสนุนมากเลยสำหรับราฟาเอล ที่วิ่งตัดขึ้นไปรับบอลก่อนที่จะแตะเข้ากลางในในระยะเขตโทษ เห็นหนเลยลุ้นยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งตรงสัน เวลเบ็คพยายามจะสะกิดเปลี่ยนทาง แต่ไม่โดน เรน่าเลยเซฟเอาไว้ได้


วันนี้อย่างที่รู้กันว่าแฟนบอลเจ้าถิ่นจะรับรองซัวเรซยังไง แค่ตัวเป้าอุรุกวัยยืนใกล้ลูกบอลก็มีเสียงโห่ตามกันมาสนั่นแล้ว โดยเฉพาะขณะที่ที่เจ้าตัวไปเลี้ยงจนออกเส้นหลัง ที่เสียงเฮดังมากันใหญ่


หลังจากตอนแรกที่หงส์แดงถ่ายเกมขึ้นบุกได้ดี ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะตันไปพอสมควร กลายเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่จับจังหวะได้มากขึ้น พาบอลไปกดดันในแดนของทีมเยือนได้อย่างต่อเนื่อง


นาทีที่ 30 เฮเสียเวลาเปล่ากันไปเลยทีเดียวสำหรับแฟนบอลแมนฯยูไนเต็ด ในจังหวะที่ผีแดงเล่นกันจังหวะเดียวได้สวย สโคลส์โยกออกไปให้กิ๊กส์ทางซ้ายที่วางบอลกลับมากลางได้สวยสุดๆ สโคลส์เสือกเข้าไปยืนโหม่งได้โล่งๆจ่อๆหน้าประตูคนเดียว แต่ตรงตัวของเรน่าที่ผวาปัดเอาไว้ได้


นาทีที่ 37 เวลเบ็ควันนี้เล่นได้สะอาดตากว่าเพื่อนเลย เมื่อเขาลงไปล้วงถามบอลต่ำอยู่หลายช่อง ก่อนทืี่จะพาบอลเลี้ยงดุ่มๆผ่านกองหลังของลิเวอร์พูลเข้าไปในในระยะเขตโทษได้ แต่จังหวะสุดท้ายโดนเสียบเอาไว้นิดนึงก่อน ทำให้เขายิงแป๊กออกหลังไป


นาทีที่ 40 ไปเล่นยืนยันจนเกือบเสียแล้วสำหรับเฟอร์ดินานด์ที่ตัวเองวิ่งตัดหน้าเค้าท์ไปดัก ลูกจ่ายของซัวเรซเอาไว้ได้แล้ว แต่กลับไม่ยอมเคลียร์จะปล่อยให้ออกหลัง บอลชะงักขาตัวเอง จนโดนเค้าท์จิ้มคืนให้ซัวเรซได้ ยังดีบิดกลับไปแก้ตัวแยกเอาไว้ได้ทันเหตุการณ์


อีก 3 นาทีต่อมา กำลังจะรูปหล่ออยู่แล้วสำหรับเวลเบ็คที่ใช้ความขยันไปฉกชิงเอาบอลมาจากเฮนเดอร์สัน ที่หน้าประตูของหงส์แดงได้ แต่จังหวะที่จะพลิกหนีดันไปสับขาหลอกตัวเองจนหวดบอลแป้กหลุดออกข้าง อายไปเลยไหมนั่น

นาทีสุดท้าย ซัวเรซเกือบจะได้ลุ้นเลย สำหรับจังหวะสวนกลับที่เขาแตะบอลหนีเอฟร่าที่เป็นตัวสุดท้ายไปได้แล้ว แต่เฟอร์ดินานด์พุ่งเข้าไปแหย่ขวางเชิงจากด้านหลัง แต่บอลโดนบอลก่อนแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะถ้าผิดพลาดไปนิดเดียว ลูกนี้อาจถึงแดง

จบ 45 นาทีด้วยความวุ่นวาย เนื่องจากซัวเรซไประเบิดอารมณ์ซัดบอลอัดข้างสนามในแฟนบอลของเจ้าบ้าน ทำให้นักเตะผีแดงกรูกันเข้าไปบีบรัดให้ผู้วินิจฉัย

ครึ่งหลัง


เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 2 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็มาได้ประตูขึ้นนำแบบเฮกันสนามแทบแตก เมื่อได้เตะมุมโยนเข้าไปเสาแรก ผู้เล่นลิเวอร์พูลพยายามจะโหม่งขัดขวาง แต่บอลเอียงไปเข้าทางของรูนี่ย์ที่เอี้ยวตัววอลเล่ย์จากเวลาแค่ไม่กี่หลาทะลุ ผ่านเรน่าเข้าไปตุงตาข่าย "ปีศาจแดง" ได้ประตูขึ้นนำแบบทีมเยือนไม่ทันตั้งตัว 1-0


นาทีที่ 50 ทีมเยือนช็อกตาค้างตาตั้งไปเลย เมื่อสเปียริ่งไปพลาดแทงบอลติดวาเลนเซีย ก่อนที่ปีกรถด่วนจะแตะจี้เข้าไปจ่ายทะลุช่องให้กับรูนี่ย์แปด้วยอีซ้ายลอด ดากเรน่าส่งบอลเข้าไปนอนหลับปุ๋ยก้นตาข่าย ปีศาจแดงทิ้ง 2-0 เร่งด่วนไปไหน


นาทีที่ 59 กองเชียร์ปวดกระบาลกันเลยสำหรับรูนี่ย์ ในจังหวะที่วาเลนเซียแตะตัดเข้ากลางได้สวยเหลือเกิน จ่ายต่อให้สโคลส์ที่โดดข้ามบอลหลอกต่อไปให้กับรูนี่ย์ ก่ะให้เพื่อนยิงงามๆ แต่เจ้าหมูดันจับลูกบอลแรกไม่ดี พอจะพยายามจิ้มเลยได้แต่จิ้มบอลหลุดออกหลังไปหน้าตาเฉย อดลุ้นแฮทริกไป

อีก 2 นาทีต่อมา หงส์แดงต้องปรับเกมด้วยการส่งเบลลามี่และแคร์โรลล์ลงไปสำแดงแทนสเปียริ่ง ที่ทำเสียลูกที่สองและดาวนิ่งที่วันนี้นิ่งสมชื่อ แทบไม่มีบทบาทอะไรให้ได้เห็นเลย

ดูดุจดังว่าลิเวอร์พูลจะช็อกกับการโดนนำห่าง 2-0 ในเวลาไม่กี่นาทีไม่หาย เพราะเวลาที่พวกเขาพยายามทำเกมขึ้นหน้าก็ดูจะไหลบอล พลาดกันไปเองทั้งหมด คงต้องปรับสติกันให้ดีๆแล้วหากหวังแพลงสภาวะที่เป็นอยู่ในตอนนี้


เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ตอนนี้ผีแดงเล่นกันแบบใจเย็นค่อยๆใช้เกมบุกในจังหวะที่มีโอกาสและ เน้นเกมที่ติดขัดเอาไว้ก่อนในยามที่ลิเวอร์พูล พยายามเซ็ตเกมบุกขึ้นไป ทำให้ทางทีมเยือนยังไม่มีโชคได้ตีไข่แตกแบบจังๆสักที

จริงๆน่าจะส่งลงมาก่อนหน้านี้อีกสำหรับอดัมที่ถูกเปลี่ยนคนลงไปเล่นแทน เค้าท์ซึ่งเล่นไม่ออกเลย เพราะว่าอดีตมิดฟิลด์แบ็คพูลถือว่าเป็นตัวไหลบอลชั้นวิเศษอีกคน ต้องดูว่ากับเวลาที่เหลือแค่ 15 นาที จะทำอะไรได้มากแค่ไหน

นาทีที่ 80 แอบเฮงอยู่สักหน่อยสำหรับthe kop เมื่อกองหลังของผีแดงระงับลูกฟรีคิกไม่ได้ ไปโดนหน้าขาของเฟอร์ดินานด์ตั้งให้ซํวเรซได้จิ้มบอลจ่อๆไม่มีเหลือ ลิเวอร์พูลตามมาเป็น 2-1 เหลืออีก 10 นาที มันส์กันล่ะครับทีนี้

เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย นั่งเกร็งกันไปไม่ว่าจะทางฝั่งแมนยูฯหรือเดอค๊อป เพราะเกมมีโอกาสจะออกมาเป็นข้อยุติได้อย่างทันทีถ้าหากมีการทำประตูลูกต่อไป เกิดขึ้นมา

ช่วงทดเวลานาทีแรก เกือบไปแล้วเมื่อลิเวอร์พูลได้ลูกโทษ ก่อนที่บอลจะโดนห้ามออกมาแถวสอง จอห์นสันเก็บตกได้ ก่อนที่จะแกว่งยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งเหมือนจะมุดคานแล้ว แต่เป็นเด เกอาที่ดีดตัวลูกปัดทิ้งข้ามคานออกไปได้

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ก่อนเกมเรดไฟท์เสาร์นี้



ได้ชื่อว่า "เรดไฟท์" ไม่ว่าจะประสบกันในเวลาไหน วิเคราะห์บอล จะถ้วยเล็กหรือใหญ่ ความดุร้ายของเกมใหญ่เกมนี้ เป็นที่จับตาไปทั่วโลก กับการที่เป็นคู่อาคาดบนเกมสายบอลแดนอังกฤษมานมนาน เพิ่มกับอดีตสมัยที่ยิ่งใหญ่ของทั้ง 2 ทีม ทำให้การสู้รบลูกฟุตบอลอันมีชื่อเป็นภาษาไทยว่า "ศึกแดงเดือด" ถูกเอ่ยจนติดปากมาจนทุกวันนี้ มาคราวนี้ แต่ว่าฝั่ง "หงส์แดง" ดูจะไกลห่างกับที่แชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ด้วย "เกียรติยศ" บวกกับบัตรโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มันทำให้ศึกหนนี้ แพ้ไม่ได้เด็ดขาด ขณะที่เดียวกันทางเจ้าบ้าน ที่กำลังคั่วแชมป์กับเพื่อนร่วมเมืองอย่าง แมนฯซิตี้ seasonนี้มีงานไม่สู้ดีเมื่อเจอะเจอกับ ลิเวอร์พูล ล่าสุดในฤดูนี้                เจอกันมา 2 หน ที่แอนด์ฟิลด์ ทีมผีแดงบุกเข้าไปไปเสมอในเกมพรีเมียร์ลีก 1-1 ส่วน เอฟเอ คัพ โดนผู้เล่นลิเวอร์พูล จัดการคุ้ยกระเซ็นตกรอบ ไปเมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมานี่เอง ครั้นแล้วราตรีของวันเสาร์ที่ 11 ก.พ. นี้ "ศึกแดงเดือด" แมตช์ที่ 3 ของฤดูกาลนี้ จึงถือเป็นวันทวงแค้นของฝั่งกองเชียร์ "เรด อาร์มี่" ส่วนฟาก "หงส์แดง" ก็ตั้งใจ เกมนี้จะบุกมาย้ำแค้นต่อคู่ปรับเบอร์ 1 ได้ด้วย 19.30 ของวันเสาร์นี้ เรามาเอาใจช่วยกันว่า "ผี กับ หงส์" ผลลัพธ์จะเป็นยังไง ผลบอลเมื่อคืน



วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผลบอลเมื่อคืนในศึก โคปา อิตาเลีย รอบรองชนะเลิศ เซียน่า 2-1 นาโปลี




ผลบอลเมื่อคืน โคปปา อิตาเลีย รอบรองชนะเลิศ นัดแรก

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555

เซียน่า 2-1 นาโปลี

ประตู: 1-0 ริจินัลโด้ น.42,2-0 เกตาโน่ ดากอสติโน่ น.66,2-1 เอมานูเอเล่ เปโซลี่(ทำเข้าประตูตัวเอง) น.86

แม้เริ่มต้นพ่ายไปก่อน แต่พอทนเพราะว่า นาโปลี ที่พานพบคานไปสองดีดกลับก่อนพลาดท่าแพ้เจ้าบ้าน เซียน่า 1-2 แต่อย่างน้อยเก็บประตูทีมเยือนเอาไว้นัดหน้าชนะเลิศ 1-0 จะพ้นเข้าไปชิงชนะเลิศโคปปา อิตาเลีย

ครึ่งแรก 

เปิดฉาก นาโปลี ได้ลุ้นก่อนแค่ 10 นาทีแรกเมื่อลักช่องจากความทำชั่วของ ดากอสติโน่ บอลลุ่ยมาถึง ฮัมซิค ไหลให้ คาวานี่ เตะเน้นๆติดเซฟโกล ฟาเรลลี่ เป็นลูกเตะมุม ฮัมซิค โยนไปยังจุดนัดพบ การ์กาโน่ ซัดทันทีแต่ ฟาเรลลี่ GKยังลูกปัดบนเส้นออกไปได้

จากนั้น เซียน่า เริ่มตั้งหลักได้เปิดเกมบุกเข้าใส่บ้างนาที 20 ได้ฟรีคิกระยะทำการ ดากอสติโน่ ปั่นไซด์เอียงกำแพงหลุดกรอบออกไป

เกมกำลังจะครบถ้วนครึ่งชั่วโมง นาโปลี พลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย ดีเซไมลี่ ไหลหลากเข้าไปในในระยะเขตโทษทางขวา ปานเดฟ หลุดเข้าไปแผลงเน้นๆแค่ 8 หลาติดเซฟ ฟาเรลลี่ โกลใช้ขาสกัดทิ้งออกไปได้

อีกสองนาทีถัดมา นาโปลี ชุบมือเปิบจากความพลั้งพลาด คอนตินี่ โดน ดีเซไมลี่ ตัดได้ไหลต่อ คาวานี่ ตอกส้นไปเข้าซองGK ฟาเรลลี่

นาโปลี กำลังโจมตีเพลิดเพลินใจๆอยู่ดีๆเจอ เซียน่า สวนเปรี้ยงเดียวจอดไปเลยนำ 1-0 ในนาที 41 มานนินี่ โยนบอลตัดแนวรับให้ ริจินัลโด้ อาศัยความเร็ววิ่งสปีดหลุดลุ่ยกองหลังหลุดเข้าไปประลองกับผู้รักษาประตูก่อนชิพข้ามตัว เด ซังค์ติส แล้วยิงเข้าไปอย่างง่ายๆ

หลังเสียประตู นาโปลี ลุยแหลกเพื่อเอาคืนก่อนพักเบรกนาทีเดียวปล่อยโอกาสทองหลุดลอยไปเอง ปานเดฟ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้ายก่อนกระดกเข้ากลางให้ คาวานี่ ยิงจ่อๆแค่ 8 หลาไปตรงตัวผู้รักษาประตู ฟาเรลลี่ ลงเอยครึ่งแรก เซียน่า นำเฉย 1-0

ครึ่งหลัง 

กลับมาขึ้นต้นกันใหม่ นาโปลี ตลุยแหลกใฝ่เอาคืนผ่านไปแค่ 7 นาทีได้เอาใจช่วยตีเสมอ ซูนิก้า จ่ายไปทางซ้ายให้ ฮัมซิค โยนเข้าไปในกรอบเขตโทษ คาวานี่ โหม่งไปเข้าซองผู้รักษาประตู ฟาเรลลี่

นาโปลี ยังบุกขยี้อย่างหนักผ่าน 1 ชั่วโมง ซูนิกา ขึ้นเกมทางซ้ายก่อนไหลให้ ลาเวซซี่ ตัวสำรองเกือบออกฤทธิ์กดเต็มข้อบอลถากเสา

แม้แทบไม่ได้บุกเลยแต่ เซียน่า กลับขึ้นนำ 2-0 ในนาที 66 รอสซี่ หลุดเข้าไปกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนกระดกเข้ากลางใกล้ๆบริเวณจุดโทษ ดากอสติโน่ วิ่งมากดเต็มข้อแสกหน้าผู้รักษาประตู เด ซังค์ติส เสียบใต้คาน

ตามหลังถึง 2 ประตู นาโปลี ไม่มีอะไรจะเสียใส่แหลกเพื่อเอาคืนนาที 79 พลาดโอกาสได้ประตูตีไข่แตกอย่างไม่น่าเชื่อ ลาเวซซี่ หลุดเข้าไปในแถวเขตโทษทางขวาล็อคหาจังหวะก่อนยิงเต็มข้อ ฟาเรลลี่ โกลทุบทิ้งออกมา คาวานี่ โหม่งซ้ำดาบสองผ่านGKไปแแล้ว แต่ เบลมอนเต้ มาสกัดทิ้งข้ามเส้นออกไป

นาโปลี เหมือนไม่ได้พกดวงมาเลยนาที 85 ลาเวซซี่ ส่งลูกเตะมุมไปยังสถานที่นัดเจอเข้าหัว คาวานี่ โหม่งทุบคานเต็มๆ

แต่แล้วอีกนาทีถัดมา นาโปลี ได้ประตูตีไข่แตกแบบเก่งบวกเฮงจากจังหวะ ลาเวซซี่ กระชากมาทางขวาก่อนผ่านแบบได้เสียเข้าไปในกรอบเขตโทษ เปโซลี่ พุ่งสกัดกะสกัดพลาดกลายเป็นเข้าประตูตัวเอง

นาโปลี ยังบุกหนักอย่างหนักช่วงทดเจ็บกาลกิณีไม่ได้ประตูตีเสมอ ลาเวซซี่ โยนเข้าหัว คัมปันญาโร่ โหม่งเต็มๆหน้าปากประตูชนคานเป็นครั้งที่สอง จบเกม เซียน่า ชนะ 2-1

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เซียน่า: ฟาเรลลี่,เปโซลี่,คอนตินี่,เบลมอนเต้,อันเจโล่,มานนินี่,กาซซี่,ดากอสติโน่,รอสซี่,เรจินัลโด้,บ๊อกดานี่

นาโปลี:เด ซังค์ติส,คัมปันญาโร่,คันนาวาโร่,อาโรนิก้า,มัจโจ้,ดีเซไมลี่,การ์กาโน่,ซูนิกา,ปานเดฟ,ฮัมซิค,คาวานี่
จากทีม วิเคราะห์บอล hanoyza.com ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผลบอลเมื่อคืนกับศึก โคปา เดล เรย์ ระหว่าง บาซ่า vs บาเลนเซีย


ศึกบอล สแปนิช โคปา เดล เรย์
รอบรองชนะเลิศ นัดสอง

ผลบอลเมื่อคืน วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555

บาร์เซโลน่า 2ต่อ0 บาเลนเซีย
รวม 2 แมตช์บาร์เซโลน่าชนะ 3:1

สนาม : เอสตาดิโอ คัมป์ นู
เวลา : 03.00 น.

ผู้ทำประตู : 1:0 เชส ฟาเบรกาส น.16, 2:0 ชาบี้ เฮอร์นานเดซ น.81



      เปิดตัวเกมครึ่งแรกมานาที 16 ลีโอเนล เมสซี่ โยนบอลวางเข้าเขตโทษทางซ้ายให้ เชส ฟาเบรกาส ก่อนแทรกตัวชนะ มิเกล ไปพุ่งบอลด้วยซ้ายฟุตบอลข้ามหัว ดีเอโก้ อัลเวส นายทวารบาเลนเซีย เสียบเสาไกลเข้าไปอย่างเพราพริ้ง จบการศึกษาครึ่งแรกด้วยคะแนนนี้

      ไปสู่ช่วงครึ่งหลัง บาเลนเซีย เหลือนักเตะแค่ 10 คน ในน. 76 เนื่องจาก โซฟียาน เฟกูลี่ ไปทำฟาวล์ใช้แขนฟาดใส่หน้าของ ปูโยล โดนใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงปลดออกจากสนามไป

     นาที 81 บาร์เซโลน่า ได้ประตูหนีห่าง 2:0จากจังหวะที่ อเล็กซิส ซานเชซ จ่ายบอลจากซ้ายเข้ากลางให้ เชส ฟาเบรกาส ได้สลัดเร็วเข้าจุดโทษทางขวาต่อให้ ชาบี้ เฮอร์นานเดซ ได้หลุดเข้าไปตะบันด้วยขวาบอลเสียบตาข่ายเรียบ

      ช่วงที่เหลือไม่มีประตูเกิดขึ้นทำให้ จบเกม บาร์เซโลน่า เปิดรังถูกต้อน "ไอ้ค้างคาว" บาเลนเซีย 2:0 รวมสองนัดปราบ 3:1 พ้นเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ แอธ.บิลเบา ในวันที่ 25 พฤษภาคม

รายการนักฟุตบอลที่ลงสนาม

บาร์เซโลน่า :3-4-3
GK : โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้
กองหลัง : การ์เลส ปูโยล , เคราร์ด ปิเก้, เอริก อบิดัล
กองกลาง : ชาบี้ เฮอร์นานเดซ  , ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, ติอาโก้ อัลกานตาร่า
, เชส ฟาเบรกาส
(อันเดรส อิเนียสต้า น.90)
ศูนย์หน้า : อิซัค เกวนก้า (คริสเตียน เตโย่ น.89), ลีโอเนล เมสซี่, อเล็กซิส ซานเชซ (ดาเนี่ยล อัลเวส น.86 )

บาเลนเซีย (4-2-3-1) :
GK : ดีเอโก้ อัลเวส
กองหลัง : มิเกล มอนเตยโร่, อาดิล รามี่, บิคตอร์ รุยซ์ , จอร์ดี้ อัลบา
กองกลาง : ดาบิด อัลเบลด้า(ดาเนี่ยล ปาเรโฆ่ น.85), เอเวร์ บาเนก้า (อัลเบร์โต้ คอสต้า น.69), โซฟียาน เฟกูลี่ , โชนาส คอนซัลเวส (ปาโบล ปิอัตติ น.79), เฌเรมี่ มาติเยอ
FW : อริตซ์ อาดูริซ
ได้ครึ่งนะครับจากการ วิเคราะห์บอล ที่เราให้ไป

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตันให้ข่าวเรื่องนายทวารแมนยูฯ







วิเคราะห์บอล ท่านเซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน นิทานแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาเปิดโปงว่า ผู้รักษาประตูรุ่นลูกในกาลเวลาของทีม"ปีศาจแดง"ปัจจุบัน ทั้ง ดาบิด เด เกอา, อันเดอร์ส ลินเดการ์ด และ เบน อามอส ยังไม่อาจมีใครทดลองฝีมือได้ว่า สมควรได้ช่วงต่อตำแหน่ง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เพราะยังมีความพลั้งเผลอในหลายๆแมตช์ แต่ยังคงชัวร์ หากเขาเหล่านั้นปรับตัวได้เมื่อไหร่ น่าจะทำชิ้นงานได้ดีกว่าที่เคยเป็นอย่างแน่ๆ

        ท่าน เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน เรื่องเก่าแก่ที่ยังมีชีวิตของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พี่เบิ้ม และแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก ออกโลกทัศน์ถึงฐานันดร GK หรือผู้รักษาประตูในทีมทีม โดยให้เหตุผลว่าทั้ง ดาบิด เด เกอา, อันเดอร์ส ลินเดการ์ด และ เบน อามอส ยังไม่มีใครพิสูจน์ตัวเองดีพอในการที่จะเป็นตัวตายตัวแทนที่เติบโตแบบของ "น้าซาร์" เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ รุ่นพี่ที่แขวนถุงมือไปแล้ว แต่กลับยังเชื่อมั่นว่าในหลายๆอย่างจะลงตัว และเข้าสู่บทสรุปที่ดีในภายภาคหน้า



        เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไตร่ตรองแหวจำต้องสืบเสาะคนมาผลัดเปลี่ยนในระวางผู้รักษาประตูของ ฟาน เดอร์ ซาร์ ที่แขวนถุงมือตอนจบฤดูกาลก่อน และทำการด้วยการไปดูด ลินเดการ์ด มาริตั้งแต่กลางซีซั่น จากนั้นช่วงปิดฤดูกาลก็ยังทุ่มเทเงินคว้า ดาบิด เด เกอา มาจาก แอตเลติโก มาดริด และก็ยังมีเด็กปั้นอย่าง อามอส ที่ปั้นขึ้นมาจากชุดเด็ก อย่างนั้นก็ดี เซอร์ บ๊อบบี้ ยังมองว่ายังไม่มีใครโชว์ฟอร์มได้เด่น แต่ก็เพราะ ฟาน เดอร์ ซาร์ สร้างมาตรฐานไว้สูงมากด้วยเช่นกัน

        "ฟาน เดอร์ ซาร์ ทำให้อัตราของเขายากที่จะหาใครมาตอบสนอง กองหลังทุกคนไว้เนื้อเชื่อใจเขา แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว และเรามีนักเตะหน้าใหม่เข้ามาแทนคุณ พวกเขาทำชิ้นงานได้ต่ำกว่าที่เราคิดหวังไว้ตั้งแต่เริ่มซีซั่นนี้ แต่น่าจะทำได้เหนือชั้นกว่านี้เมื่อพวกเขาปรับตัวได้แล้ว"

        "ถ้าจะมีอะไรที่ผมขอต่อว่าก็คงเป็นพวกเขาไม่ใช่นักเตะที่น่ากลัวเกรง เพราะพวกเขาไม่ได้หุ่นสูงใหญ่ ซึ่งผมคิดว่าเป็นคุณค่าที่ต้องมีของผู้รักษาประตู ในช่วงหลัง ผมชมพวกเขาเล่นเกือบทุกครั้ง และพวกเขาดูจะมีความทำชั่วตลอด เข้าฉากออกมาให้เห็นในแต่ละคน แต่ตอนนี้บางคนก็ทำได้มักดีเยี่ยมขึ้นแล้ว" เหตุการณ์ในอดีตแข้ง "ปีศาจแดง" กล่าวกับเราในเรื่อง ผลบอลเมื่อคืน


วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผลบอลเมื่อคืนกับความรักนะจะบอกให้




  ผลบอลเมื่อคืน บางคนบทความความรักได้อย่างน่ารักแต่เป็นความจริง คือ “ความรักเหมือน หวย มีสิทธิแทงไม่ถูกมากกว่าแทงถูก ” หรือหากเป็นเด็กปัจจุบันนี้ อาจบทความความรักว่า “ความรักก็คือผลบอลเมื่อคืน การลองอยู่ศึกษากัน เมื่อสรุปกันไม่ได้ ก็แยกทางได้ อธิบายสั้นๆคือ ความรักคือการทดลอง” หรือแม้แต่บางคนอาจเรื่องราวความรักว่า “ความรักคือการร่วมเพศ” แม้แต่ในทางพุทธศาสนายังบอกถึงความรักว่า “ที่ใดมีความรัก ย่อมเกิดความทุกข์” ความรัก มีนิยามร้อยแปดพันเก้า เรามาวิเคราะห์ ในเรื่องของความรักกันอย่างถ่องแท้ดีกว่า แน่นอน ความรัก คือความคิดถึง ความเป็นห่วง เป็นความรู้สึกที่สวรรค์ทำโลกนี้ให้น่าอยู่มาก การที่คนเรามีคนคิดถึง หรือเป็นห่วง จะทำให้ ตนมีความเชื่อถือในตัวเองว่าอย่างน้อยยังมีความหมายต่อใครบางคน เมื่อมีความรักเกิดขึ้น จะมองเห็นโลกนี้เป็นสีชมพู ดูน่าอยู่ แต่ควร คิดซักครั้งว่าความรักสามารถจะเดินจากเราไปได้เสมอ ตลอดเวลา และมัน คือสัจธรรมของชีวิต โอเคละ คงต้องเสียใจกันทุกคน แต่ต้องตรึกตรองว่านั้น มันไม่ใช่วันสุดท้ายของโลก หรือขนาดที่ต้องเขียนเพลงออกมาว่า “ดอกรักบาน ในใจใครทั้งโลก แต่ดอกโศกบานในหัวใจฉัน”

        ความรัก ไม่จำกัดในเรื่องเวลาหรือสถานที่ เรื่องที่ว่ารักกัน 10 ปียัง ไม่แต่งงาน หรือบางคนรักกันเพียงเดือนสองเดือน กลับตกลงจะ สมรสกันแล้ว แถมระยะเวลาของความรักก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยืนยันว่า ความรักจะยั่งยืนกว่าคนที่รักกันไม่นานแล้วแต่งงานกัน ส่วนเรื่องสถานที่บทจะชอบซักคนเดินผ่านหน้าห้องน้ำยังพบรักได้ไม่จำเป็นต้องอยู่ใน สถานที่โรแมนติกเลย ความรัก เป็นสิ่งน่าดึงดูด รู้ทั้งรู้ว่ามีโอกาสที่จะทำให้ตัวเองเสียใจ แต่ก็ยังรักอยู่อย่างมั่นคงบางคนเสียใจแล้วผิดหวังอีก ก็ยังใฝ่หาความรัก ต่อไป หรือจะถือคติอย่างเพลงของพี่สายันต์ สัญญา ที่ว่า “อกหักเพียง (สิบ)ครั้ง ยังไม่ตาย ความรัก เป็นเรื่องของอารมณ์มากกว่าเหตุผล ข้อนี้หลายคนคงเถียง แต่เชื่อสิ!! คนบางคนรักใครขึ้นมา ถามว่ารักเขาเพราะอะไร กลับต้อง ใช้เวลาคิดนานมาก คนบางคนที่ดีทุกอย่าง เรากลับไม่รัก ไปรักอีกคนที่หากใช้เหตุผลมากมายแล้วคงไม่เลือก หรืออย่างสามีภรรยา ที่ตบตีกันอยู่ทุกวัน แต่ไม่เห็นเขาจะหย่ากัน
   
      เพราะถามเขาว่ารักกันไหม ต่างก็ตอบว่ารัก แต่สามีภรรยาบางคู่ตบตีกันดูเหมือนไม่รุนแรงกลับเลิกลากันเสียได้ แถมหลังจากเล่นวิเคราะห์บอลนั้นกลับเป็นศัตรูคู่อาฆาต ชนิดที่ว่าตายไปก็ไม่เผา ผีกันเลยทีเดียว ความรัก นี้มันประหลาด ลึกลับ และมีพลัง พลังของความรักนี้สามารถ ทำได้ทุกอย่าง อย่างที่ทัชมาฮาล ที่อินเดียก็เป็นอนุสรณ์แห่งความรัก หรืออย่างการล้มสลายของราชวงศ์ต่างๆของจีน สืบเนื่องมาจากความรัก ทั้งนั้น ความรักเหมือนเป็นพลังแห่งการสร้างและก็อาจเป็นพลังแห่ง การทำลายที่รุนแรง ไม่จำเป็นที่จะต้องมีคนที่ 2 หรือ 3 หมายถึงคนเราสามารถก่อให้ผลบอลเมื่อคืน เกิดความรักได้โดยลำพัง เช่น การรักตัวเอง ซึ่งคนทั่วไปมักจะลืม อยู่เสมอ ไปรักคนอื่นมากกว่ารักตัวเอง ทำให้เกิดปัญหาการฆ่าตัวตาย อย่างมากมายในสังคมสมัยนี้ยังไม่ตาย” กับการวิเคราะห์ความรัก


 

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผลบอลเมื่อคืน ผีแดงโชว์ความอึด ตามอัดเชลซี สุดมันส์ 3-3 !!

189






ผลบอลเมื่อคืน ศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2011/12

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555

เชลซี 3:3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด



สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ 
ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ 
ถ่ายทอดสด : 23:00 น. 

ผู้ทำประตู : 1:0 จอนนี่ อีแวนส์(OWN GOAL) น.36, 2:0 ฆวน มาต้า น.46, 3:0 ดาวิด หลุยส์ น.50, 3:1 เวย์น รูนี่ย์(P.K.)น.58, 3:2 เวย์น รูนี่ย์(P.K.)น.69, 3:3 ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ น.84

ครึ่งแรก 

     เริ่มเกมครึ่งแรกแมนฯยูได้ทักทายก่อนในนาที 2 จากลูกฟรีคิกนอกกรอบทางซ้าย เวย์น รูนี่ย์ วิ่งเข้ามาซัดด้วยอีขวาบอลเหิรข้ามกำแพงบอลเฉียดเสาออกหลังอย่างได้ลุ้น

      นาที 7 เชลซีได้ลูกเตะมุมทางด้านฝั่งขวา ดาบิด เดเกอา ชกบอลมาเข้าทาง ราอูล เมยเรเลส ได้ยิงด้วยขวาบอลพุ่งเสียบหน้าต่าง และอีก 2 นาทีต่อมา โชเซ่ โบซิงวา มีโอกาสได้ยิงจากนอกกรอบแต่บอลตรงตัว ดาบิด เดเกอา รับเข้าซองง่ายๆ

     นาที 17 ไรอัน กิ๊กส์ วางบอลจากทางฝั่งซ้ายเข้ากลางให้ แอชลี่ย์ ยัง ได้หวดเต็มข้อ นอกกรอบแต่บอลไปติดกองหลังเชลซีทำให้บอลลอยโด่งมาเข้ามือ ปีเตอร์ เช็กสบายๆ

     นาที 21 ฆวน มาต้า แทงบอลจากซ้ายให้ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ได้ลากจี้เข้าไปยิงด้วยขวาบอลพุ่งออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้น

     นาที 29 อันโตนิโอ วาเลนเซีย เปิดบอลยาวมาให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้พาบอลขึ้นไปทางซีกขวาก่อนป้ายไปที่เสาสอง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช เข้ามาสกัดบอลออกหลังได้ทันก่อนจะถึง แอชลี่ย์ ยัง

      เชลซี มาได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 นาที 36 จากจังหวะที่ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ พาบอลขึ้นมาถึงริมเส้นฝั่งขวาก่อนส่งเข้ากลางบอลไปแฉลบปลายเท้า ดาบิด เดเกอา ไปโดน จอนนี่ อีแวนส์ บอลเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง

      นาที 40 แอชลี่ย์ ยัง พาบอลลากเลื้อยตัดหาช่องจากฝั่งซ้ายก่อนลากเข้ากลางก่อนยิงด้วยขวา ปีเตอร์ เช็ก โชว์เซฟไว้ได้ และในนาทีต่อมา แดนนี่ เวลเบ็ค ล้มตัวยิงจากบริเวณเส้นเขตโทษกลางประตู ปีเตอร์ เช็ก ยังเซฟไว้ได้อีกครั้ง

      เข้าสู่ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกแมนฯยูมาได้ฟรีคิกนอกกรอบ เวย์น รูนี่ย์ ตะบันเต็มข้อบอลพุ่งเรียด ปีเตอร์ เช็ก ยังเหนียวปัดออกหลังช่วยทีมไว้ได้อีกครั้ง จบ 45 นาที เชลซี ยังนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู 1:0 

ครึ่งหลัง 

      เริ่มเกมครึ่งหลังมาแต่นาทีแรก เชลซี ก็มาได้ประตูหนีไปเป็น 2-0 จากจังหวะที่ เฟอร์นานโด ตอร์เรส วางบอลจากทางฝั่งขวาลอยโด่งมาถึงเสาสอง ฆวน มาต้า ปักหลักวอลเลย์แบบไม่จับบอลพุ่งเสียบใต้คาน อย่างสุดสวย!!

      นาที 50 เชลซี มาได้ประตูหนีห่างไปอีกเป็น 3-0 อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ ฆวน มาต้า เปิดลูกฟรีคิกทางฝั่งขวา ดาวิด หลุยส์ กระโดดโหม่งไปโดนไหล่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ บอลเปลี่ยนทางเข้าประตู

      นาที 58 ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ไปทำฟาวล์ ปาทริซ เอวร่า จากด้านหลังผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกจุดโทษ และเป็น เวย์น รูนี่ย์ รับหน้าที่สังหารกดเต็มข้อด้วยขวาไม่พลาดบอลเสียบตาข่าย แมนฯยูตีไข่แตกเป็น 1-3

      นาที 65 ฟลอร็องต์ มาลูด้า จ่ายบอลให้ ฆวน มาต้า ได้ส่องจากแถวสอง ดาบิด เดเกอา รับเข้าซอง อีกนาทีต่อมา เวย์น รูนี่ย์ ทำชิ่งกับ ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ก่อนสับไกด้วยขวา ปีเตอร์ เช็ก ล้มตัวรับเข้าซอง

      "ปีสาจแดง"เฮ!เมื่อมาได้ประตูไล่มาเป็น 2-3 ในนาที 69 จากลูกจุดโทษจังหวะที่ อิวาโนวิช ไปเกี่ยวขา แดนนี่ เวลเบ็ค ล้มลงในเขตโทษ เวย์น รูนี่ย์ รับหน้าที่สังหารกดเสียบตาข่าย

      นาที 75 ไมเคิ่ล เอสเซียง ยิงไกลเต็มข้อจากนอกกรอบบอลพุ่งแรก ดาบิด เดเกอา ต้องทุบบอลออกหลังไป

      เหลือเชื่อ!นาที 84 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้ประตูไล่ตีเสมอเป็น 3-3 จากจังหวะที่ เวย์น รูนี่ย์ ยิงจากนอกรอบเขตโทษ ปีเตอร์ เช็ก ทุบออกไปทางซ้าย ไรอัน กิ๊กส์ เปิดบอลกลับเข้ามาใหม่ ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ เทกตัวขึ้นโขกบอลเสียบตาข่าย


รายชื่อนักเตะที่ลงสนาม 

เชลซี แผนการเล่น 4-3-3 : 
ผู้รักษาประตู : ปีเตอร์ เช็ก 
DF : โชเซ่ โบซิงวา , บรานิสลาฟ อิวาโนวิช , แกรี่ เคฮิลล์ , ดาวิด หลุยส์ 
MF : ราอูล เมยเรเลส , ไมเคิ่ล เอสเซียง, ฟลอร็องต์ มาลูด้า 
FW : ดาเนียล สเตอร์ริดจ์(โอลิโอล โรเมอู น.70) , ฆวน มาต้า, เฟอร์นานโด ตอร์เรส

ตัวสำรอง รอสส์ เทิร์นบูลล์ , เปาโล แฟร์ไรร่า,ไรอัน เบอร์ทรานด์,แซม ฮัทชินสัน,โอลิโอล โรเมอู,ลูคัส ปิอาซอน, โรเมลู ลูกากู


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แผนการเล่น 4-4-2 : 
ผู้รักษาประตู : ดาบิด เดเกอา 
DF : ราฟาเอล(พอล สโคลส์ น.63), ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอนนี่ อีแวนส์, ปาทริซ เอวร่า 
MF : อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิ่ล แคร์ริค, ไรอัน กิ๊กส์, แอชลี่ย์ ยัง(ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ น.53) 
FW : เวย์น รูนี่ย์ , แดนนี่ เวลเบ็ค (ปาร์ค จิ-ซอง น.86) 

ตัวสำรอง เบน อามอส , ฟาบิโอ ดา ซิลวา , พอล สโคลส์,ปาร์ค จิ-ซอง,พอล ป็อกบา ,ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ , ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ