วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

ผลบอลไทยพรีเมียร์ลีก ปริศนาเงินกู้ ไร้ร่องรอย 200 ล้าน


ผลบอล เปิดข้อมูลงบดุล บ.สยามPremier Leagueย้อนหลัง 3 ปี พบละเลยกู้ “กรรมการผู้ก่อตั้ง-กิจการเกี่ยวข้อง”เกือบเท่าทุนจดทะเบียนไร้ทำสัญญา “วิชิต แย้มบุญเรือง”แจง“เปล่าละเลยกู้”สวนถนนหลักฐาน ย้ำ 200 ล้านค่าลิขสิทธิ์-สปอนเซอร์อยู่กำหนดการหน่วยงานฟุตบอล

เงินหายไปไหน ?

กำลังเป็นอุปสรรคยอดนิยมสำหรับประชาชนในวงการฟุตบอลเมืองสยามเวลานี้

ภายหลังจากที่ หุ้นส่วน สยามประเทศ พรีเมียร์ลีก จำกัด ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้จัดการแข่งขันfootballประเทศไทยพรีเมียร์ลีก และผู้จัดหาเงินเข้าจากสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่กำเนิดจากเกมการเล่น กำลังถูกตั้งปัญหาอย่างหนักเกี่ยวกับเม็ดเงินตัวเลขกว่า 200 ล้านบาท ที่ห่างหุ้นส่วน ไทยแลนด์Premier League เคยประกาศว่า มี income จากเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์จำนวนรวมมาก หรือค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลสยามประเทศPremier League แต่ทว่าในเอกสารงบดุลโชว์ผลประกอบการ ปี 2010 กลับเปรยว่า มีเงินเข้าเพียงแค่ 19,082,602.50 บาท

ในขณะที่พวกนายเนวิน ชิดชอบ นักการประเทศชื่อดังที่ผันฉันเองไปจับงานด้านฟุตบอล ในสถานะประธานทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาทวงไถ่ถามถึงเรื่องชัวร์ส่งผลทำให้ หุ้นส่วน ไทยแลนด์สปอร์ต ซินดิเคท จำกัด(มหาชน) ผู้ได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมฟุตบอลแห่งสยาม ให้เป็นกรรมการสิทธิประโยชน์กีฬาฟุตบอลการหาเลี้ยงชีพทั้งระบบ ได้ประกาศถอนตัวออกจากผู้จัดการใหญ่สิทธิประโยชน์ทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา

ท่ามกลางปริศนาความ income ที่แท้จริงดังพูด

สำนักหนังสือพิมพ์อิศรา ตรวจหารายละเอียดงบดุลห่างหุ้นส่วน ไทยแลนด์Premier League ย้อนหลังไป 3 ปี คือ ปี 2551 , 2552 หรือ 2553 นับตั้งแต่มีการจัดตั้งบริษัทแห่งนี้ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2551 ด้วยทุน 5,000,000 บาท (ก่อนจะปรับลดทุนลง เหลือ 1,250,000 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2552)

พบว่านอกเหนือจากการไม่ปรากฏจำนวนเงินตัวเลข 200 ล้านบาท ตามที่มีการเปิดปริปากข่าวคราวก่อนหน้านี้แล้ว ในงบดุลการดำรงกิจการสถานประกอบการทุกปี มีการชี้เฉพาะถึงรายการเงินให้กู้ยืมกับผู้อำนวยการ และกิจการที่เกี่ยวข้องกัน โควตาหลายล้านบาทไว้ ดังนี้

– ปี 2551 มีการบอกชื่อรายการเงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกัน ตัวเลข 4,918,459 บาท ระหว่างที่หุ้นส่วนฯ แจ้งว่า ไม่มีเงินเข้า มีค่าใช้จ่าย 312,604 บาท ขาดทุนสุทธิ 312,604 บาท

นอกจากนี้ ผู้สอบบัญชี บอกชื่อในหมายคดีงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ว่า “เป็นเงินให้กู้ยืมแก่ผู้ดูแลของหุ้นส่วน ไม่มีการทำสัญญาระหว่างกัน หรือไม่มีการคิดดอก บ่งชี้จ่ายชำระคืนเมื่อทวงซักไซ้”

– ปี 2552 มีการบ่งชี้เงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่ผู้ดูแล ตัวเลข 1,093,331.69 บาท และเงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่กิจการอื่น 2,800,000 บาท รวมเป็นเงิน 3,893,331,69 บาท ตอนที่ห่างหุ้นส่วนฯ รายงานว่าว่า มี income รวม 11,530,137.79 บาท มีราคารวม 8,146,475.65 บาท รวมผลกำไรสุทธิ 2,569,293.12 บาท

ผู้สอบกำหนดการชี้เฉพาะ ในหมายเรื่องงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2009 และ 2551 ว่า เงินให้กู้ยืมระยะสั้น แก่กรรมการ สถานประกอบการฯ มีข้อตกลงในการนึกคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.50 ต่อปี ส่วนเงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่กิจการอื่น บริษัทฯ ไม่มีข้อตกลงในการไต่ตรองดอกเบี้ย กับกิจการอื่น”

– ปี 2010 มีการบอกชื่อเงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่ผู้ดูแล ตัวเลข 1,393,331.69 บาท และเงินให้กู้ยืมระยะสั้น แก่กิจการอื่น 700,000 บาท รวมเป็นเงิน 2,093,331.69 บาท ตอนที่ห่างหุ้นส่วนฯ เผยว่า มีเงินเข้ารวม 19,082,602.50 บาท ซึ่งในจำนวนนี้ ตรึกตรองเป็นเงินเข้ากระเป๋าทำรายโฆษณา 84.63% มีค่าใช้จ่ายรวม 15,396,195.89 บาท มีผลกำไรสุทธิ 2,391,325.22 บาท

ผู้สอบบัญชีบ่งชี้ในหมายเหตุงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2010 หรือ 2552 ว่า เงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่ ผู้อำนวยการ หรือ กิจการอื่น บริษัทฯ ไม่มีข้อตกลงในการคิดดอก

นายวิชิต แย้มบุญเรือง ประธานหุ้นส่วน สยามPremier League จำกัด ให้สัมภาษณ์หนทางโทรศัพท์ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงเหตุการทิ้งเงินกู้ให้กรรมการผู้ก่อตั้งหุ้นส่วน ว่า สถานประกอบการฯไม่ได้มีการปล่อยกู้ให้กรรมการผู้ก่อตั้งแต่อย่างไหน

“ ไม่มีหรอก .. จะมาเปิดปริปากอะไรกัน ทำให้มันวุ่นวายกันไปใหญ่ มันไม่มีอะไรผิดหรอกครับ ถ้ามีอะไรผิดท่านก็ไม่ให้ข้าพเจ้าทำ นานแล้ว”

เมื่อไล่เลียงว่า แต่ในงบดุลสถานประกอบการฯ เจาะจงเหตุการละเลยกู้เงินให้ผู้ก่อตั้ง รวมถึงกิจการที่เกี่ยวข้องด้วย ท่านวิชิต กล่าวด้วยเสียงหงุดหงิด ว่า “ไม่มีอ่ะ..กิจการไหนเกี่ยวข้องอ่ะ” ก่อนจะบ่งชี้ว่า “คุณอยากจะเปิดอะไรก็เปิดไป ถ้ามันมีอะไรผิดพวกเขา ก็คงจับจำขังแค่นี้เอง ”

เขาวิชิต บอกต่อไปว่า ไม่ว่าจะอย่างไร เกี่ยวกับเนื้อความการจัดทำบัญชีหุ้นส่วน ตนไม่รู้รายละเอียด เพราะข้างบัญชีจะเป็นผู้รับผิดชอบ

“เราไม่แน่นอนเหมือนกันเหตุนี้ ฝ่ายบัญชีเขาจะทำก็ทำไป” เขาวิชิตพูด

ท่านวิชิต ยังรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ และเงินสงเคราะห์จากสปอนเซอร์ ปริมาณ 200 ล้านบาท ว่า เงินตัวเลขนี้ มีอยู่จริง แต่อยู่ที่หน่วยงานfootballแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไม่ได้อยู่ที่หุ้นส่วน ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกฯ

“เงินโควตานี้ มีอยู่จริง ที่ไปพูดกันว่า ทำไมไม่ปรากฏในงบดุลสถานประกอบการ ประเทศไทยพรีเมียร์ลีก ก็ตั้งจิตตั้งใจพยายามชี้แจงหลายหนแล้วก็ไม่เข้าใจกัน มันประชาชนละความกันนะ พูดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ ว่าเงินอันนี้มันอยู่ที่สหภาพฟุตบอล จะมาอยู่ในงบดุลหุ้นส่วนสยามประเทศพรีเมียร์ลีกได้ยังไง”

พวกเขาวิชิตพูดด้วยว่า “ คดีเงินนี่ พูดไปเท่าไรก็ไม่ยอมเข้าใจกัน จะไปเปิดทำไม ..ได้ยินกันอยู่แล้ว ไม่ยอมเชื่อไม่ยอมฟังกันนะ ดันทุรังกัน อย่าไปยุ่งกับมันเลย ท่านกล่าวสองร้อยก็สองร้อย ถ้าไม่เชื่อก็อย่ามาเล่น ห่างหุ้นส่วนไทยแลนด์สปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ก็บอกกล่าวไปแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ ก็เลิกๆ กันไปข้าพเจ้าก็ขี้เกียจรำคาญ”

เมื่อไล่เลียงว่า ข้อตกลงเนื้อความลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอล ที่ทำไว้กับ สยามประเทศสปอร์ต เป็นเช่นไร นายวิชิต พูดว่า “ก็ข้าพเจ้าให้พวกท่านเป็นประชาชนมาเก็ตติ้งให้เรา หน่วยงานฟุตบอลมอบมาตั้งนานแล้ว ทำมาตั้งนานไม่มีอุปสรรคอะไรเลย ปีต้นไม่ได้งบ ปีสองก็ได้กันคลับละสองล้านห้า ปีที่สามก็ได้สี่ล้าน หมดไปแล้วเกือบร้อยล้าน ผมก็ไม่เข้าใจว่า จะเอาอะไรกันหนักหนา”

เมื่อไล่เลียงว่า อุปสรรคที่เกิดขึ้น ตรึกตรองว่ามาจากเนื้อความการภาคและไม่ พวกเขาวิชิต บอกย้ำสั้นๆ ว่า การประเทศ ส่วนสาเรื่องมาจากอะไรตนไม่ทราบ ไม่พอใจอะไรกันก็หมั่นเพียรพยายามจะไปทำอะไรกันให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตแบบอย่างที่เป็นอยู่นี้ หรือก็เหนื่อยที่มักจะต้องมานั่งตอบข้อสงสัยคดีแบบนี้แล้ว

ข่าวสารจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า หุ้นส่วน ไทยแลนด์  Premier League จดทะเบียน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2551ปัจจุบันนี้มีทุน 1,250,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 34 หมู่ที่ 14 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดพร้าว ภาคลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230 ประกอบธุรกิจโฆษณา เขาวิชิต แย้มบุญเรือง เป็นผู้ก่อตั้งผู้มีอำนาจครอบงำ

มีผู้ถือหุ้น 6 ผู้คน ประกอบด้วย ท่านวรวีร์ มะกูดี นายกองค์กรฟุตบอลไทยแลนด์ และผู้แทนการค้าสยาม เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถืออยู่ 45 % พวกท่านองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสหภาพฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถืออยู่ 25 % พวกนายวิชิต แย้มบุญเรือง 15 % ท่านชาติชาย พุคยาภรณ์ อุปนายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศสยามฯ เวลาก่อนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เวลารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ถืออยู่ 5 % พวกนายธัญญา โพธิ์วิจิตร 5% หรือนายธารา พฤกษ์ชะอุ่ม 5%

นอกเหนือจากนี้ ใน Websiteไซด์ ห่างหุ้นส่วน ประเทศไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด  ชี้เฉพาะข่าวคราวว่า สถานประกอบการ สยามพรีเมียร์ลีก จำกัด ดำรงธุรกิจให้บริการคุมแข่งขันฟุตบอลวิชาชีพ ของไทยแบบอย่างครบวงจร ตามวิถี และนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานfootballแห่งสยามประเทศ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นอกจากนี้การดำเนินการให้บริการ การจัดการแข่งขันฟุตบอลการหาเลี้ยงชีพ ดังกล่าวแล้ว สถานประกอบการฯ มีแนวทาง และนโยบายในการคุมคุมเพื่อให้เกิดเงินกำไรสูงสุดต่อวงการฟุตบอลวิชาชีพของไทย ตามเจตนารมณ์ของสหภาพฟุตบอลแห่งสยามประเทศฯ

มีวิถีหรือนโยบายในการประกอบธุรกิจ อย่างแน่วแน่ที่จะดำรงความเป็นห่างหุ้นส่วนที่มีธรรมาภิบาล (Goog Corporate Governance) บอกคือ

1 จะเคารพสิทธิผู้ถือหุ้น และจะแสดงต่อผู้ถือหุ้นทุกรายเท่าเทียมกัน

2.คณะผู้ดูแลคุม หรือพนักงานมีเหตุสำนึกในหน้าที่ ( Accountability) อย่างเคร่งครัดต่อหุ้นส่วนฯ

3.จะดูแลบริหารอย่างโปร่งใส หรืออย่างเปิดแจ้งในเนื้อความวิธีการ และข่าวสารที่สามารถจะเปิดรายงานว่าได้โดยไม่ไม่ถูกกฏหมาย หรือจริยธรรม

4.จะโชว์ต่อผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย ( Stake Holders ) อย่างเป็นธรรม

บริษัท ไทย พรีเมียร์ลีก จำกัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น